เตรียมความพร้อมเลี้ยงลูกแมวแรกเกิด


ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบที่สุด ลูกแมวสมควรอยู่ใกล้ๆ และได้รับการประคมประหงมจากแม่แมวนานถึงแปดสัปดาห์ ก่อนจะแยกจากแม่ และ/หรือมีคนรับไปเลี้ยง ในกรณีที่ต้องช่วยชีวิตลูกแมว ในกรณีที่แม่แมวตาย หรือภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้แม่แมวปฏิเสธลูกแมวตัวหนึ่ง หรือมากกว่าในครอก จนมนุษย์เราจำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงนั้น มีหลายสิ่งที่คุณต้องพิจารณา หากพบว่าตัวเองจำเป็นต้องป้อนนมลูกแมวแรกเกิดสักตัวหนึ่ง การคิดพิจารณาและเตรียมการอย่างรอบคอบ จะทำให้การป้อนนมด้วยขวดนมให้กับลูกแมว เป็นประสบการณ์ที่ช่วยปลอบประโลมใจ และให้ความอบอุ่นใจ ซึ่งจะช่วยส่งผลให้คุณมีสัตว์เลี้ยงที่สุขภาพดีและมีความสุข

1. พยายามหาแมวแม่ลูกอ่อน  ปรึกษาสัตว์แพทย์และบ้านอุปถัมภ์แมวแถวบ้านของคุณ เพื่อหาว่ามีแมวแม่ลูกอ่อนสักตัวหนึ่งหรือไม่ ที่อาจยอมให้นมแก่ลูกแมวตัวนี้ นมแม่ดีที่สุดสำหรับทารกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทุกสายพันธุ์ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะพยายามใช้ขวดนมป้อนนมดัดแปลงให้กับลูกแมวสักตัวหนึ่ง เราขอแนะนำให้คุณลองพยายามเสียก่อน ที่จะหาแมวแม่ลูกอ่อน ผู้สามารถทำหน้าที่แทนแม่แมวผู้ซึ่งไม่ได้อยู่แล้ว หรือไม่อาจจะเลี้ยงดูลูกได้

จงตระหนักว่าถึงหากคุณพบแมวที่สามารถจะให้นมแก่ลูกแมวได้ นางแมวตัวนั้นก็อาจไม่ยอมรับลูกแมวของคุณ คุณจึงต้องอยู่ด้วยเสมอ เวลาที่แมวแม่ลูกอ่อนตัวนั้นมีปฏิสัมพันธ์กับลูกแมว เพราะมีความเสี่ยงว่าแมวตัวเมียตัวนั้น อาจพยายามฆ่าลูกแมวตัวที่นางปฏิเสธ หากคุณโชคดีหาแมวแม่บุญธรรมมาได้ จงพยายามปลอมแปลงกลิ่นลูกแมวตัวใหม่ ให้พยายามลูบคลำพวกลูกๆ ของแม่แมวตัวนั้น ก่อนจะลูบคลำลูกแมวของคุณ การทำเช่นนี้จะช่วยถ่ายกลิ่นจากลูกแมวครอกของแม่แมวเอง มายังลูกแมวแรกเกิดของคุณ มีความเป็นไปได้มากที่แม่แมวจะปฏิเสธลูกแมวตัวนั้น หากมีกลิ่นที่นางไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ด้วยการ “ปลอมแปลง” กลิ่นลูกแมวจะเพิ่มโอกาสที่แม่แมวจะยอมรับเจ้าตัวเล็กของคุณ

2. จัดหานม ลูกแมวแรกเกิดย่อยได้เพียงแค่นมเท่านั้น และถ้าพูดให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น คือนมจากแม่แมวสักตัวหนึ่ง การเลี้ยงลูกแมวด้วยนมผิดประเภท เช่น นมวัว อาจมีผลทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งรวมทั้ง โรคท้องเสีย เกิดภาวะขาดน้ำ–ขาดสารอาหาร และมีปัญหาสุขภาพในระยะยาวเพราะเติบโตช้า คุณสามารถซื้อนมทดแทนสำหรับลูกแมว (KMR) จากร้านขายอาหารสัตว์แถวบ้าน คลินิกสัตว์แพทย์ และแม้แต่หาซื้อออนไลน์  แต่คุณก็สามารถปรึกษาสัตว์แพทย์ใกล้บ้าน เพื่อขอคำแนะนำเรื่องนมทดแทนยี่ห้อที่สามารถหาซื้อได้แถวบ้านคุณด้วย

นมทดแทนสำหรับลูกแมวจะอยู่ในหลอดหรือถัง และจะอยู่ในรูปนมผงหรือของเหลว วิธีใช้ใกล้เคียงกับนมสำหรับทารก กล่าวคือคุณทำตามคำแนะนำต่างๆ บนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะระบุว่าต้องใช้นมผงกี่ช้อนตวงกับน้ำปริมาณเท่าไร จงตระหนักว่านมที่ขายแบบบรรจุกล่องระบุว่าเป็น “นมแมว” ไม่เหมาะสมจะใช้เลี้ยงลูกแมว เพราะเป็นนมวัวที่สกัดเอาน้ำตาลแลกโทสออกไปแล้ว นมชนิดนี้ออกแบบมาให้แมวที่โตแล้วกินนมวัวได้ (เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเราที่อยากให้แมวกินนม มากกว่าจะเป็นความต้องการทางกายภาพของตัวแมวเอง) ไม่เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงลูกแมว

3. เตรียมแผนสำรองหากคุณไม่อาจหานมทดแทนได้ในทันที นมสมบูรณ์แบบที่สุดคือนมทดแทนจากแม่แมวสักตัวหนึ่งก็จริง แต่หากคุณไม่มี ให้ใช้น้ำต้มสุกเลี้ยงลูกแมว และรีบหาซื้อนมทดแทนสำหรับลูกแมวในทันที และหากลูกแมวดูหิวโหยมาก คุณอาจเติมผงกลูโคสหนึ่งช้อนชาในน้ำต้มหนึ่งถ้วย อย่างไรก็ตาม ควรใช้วิธีนี้ป้อนลูกแมวเพียงครั้งเดียว อย่าใช้ซ้ำอีก

อีกทางเลือกหนึ่งที่จะใช้ขัดตาทัพจนกว่าคุณจะสามารถหานมทดแทนได้ คือใช้น้ำข้าว ซึ่งหมายถึงน้ำที่ได้จากการต้มข้าว ต้มข้าวขาวในน้ำและกรองเอาน้ำข้าวออกมา น้ำข้าวมีแป้ง (พลังงาน) จำนวนเล็กน้อยและไม่ระบายท้อง สามารถใช้เป็นวิธีแก้ปัญหาได้ชั่วคราว การให้ลูกแมวกินน้ำเป็นการชั่วคราวนี้จะช่วยยับยั้งไม่ให้ลูกแมวขาดน้ำ และเป็นการประนีประนอมที่ดีกว่าป้อนด้วยบางสิ่ง (เช่น นมวัว) ซึ่งอาจทำให้ท้องไส้ของลูกแมวปั่นป่วน และทำให้ป่วยได้

4. วางแผนการใช้เวลาของคุณ จงจำใส่ใจว่ายิ่งลูกแมวอายุน้อยมากยิ่งขึ้นเท่าไร กระบวนการเผาผลาญอาหารของลูกแมวก็ยิ่งสูง และยิ่งจำเป็นต้องป้อนนมให้บ่อยครั้งมากขึ้น (เพราะลูกแมวมีกระเพาะเล็ก) จึงหมายความว่า คุณหรือคนอื่นในครอบครัว หรือเพื่อน หรือเพื่อนบ้านสักคนหนึ่ง จำเป็นต้องคอยอยู่รอบๆ ตัวมันตลอดทั้งวัน จนกว่าลูกแมวจะโตพอที่จะเริ่มเปลี่ยนไปกินอาหารแข็งได้ ลูกแมวแรกเกิด ซึ่งทางเทคนิคหมายถึงลูกแมวอายุต่ำกว่าสองสัปดาห์ ต้องการความใส่ใจในการป้อนนมทั้งกลางวันและกลางคืน จนกว่าจะโตพอที่จะเริ่มกระบวนการเปลี่ยนไปกินอาหารแข็งได้

5. จงตระหนักว่าคุณสามารถหย่านมลูกแมวกำพร้าได้แต่เนิ่นๆ การหย่านมหมายถึงการให้ลูกแมวเลิกกินนมและเริ่มให้กินอาหารแข็งอย่างช้าๆ คุณสามารถทำเช่นนี้ได้เมื่อลูกแมวอายุได้สี่สัปดาห์ เป็นช่วงที่ไม่ใช่ลูกแมวแรกเกิดแล้ว คุณสามารถบอกได้ว่ามันไม่ใช่ลูกแมวแรกเกิดอีกต่อไป และพร้อมจะหย่านมเพื่อกินอาหารแข็งแล้ว เมื่อมันเริ่มกัดแทะจุกนม

เพื่อเริ่มฝึกให้ลูกแมวหย่านม ให้คุณเริ่มใส่อาหารจำนวนเล็กน้อยในจานของมัน หากดูเหมือนลูกแมวยังไม่พร้อม หรือไม่เต็มใจจะกิน คุณอาจเติมน้ำหรือนมทดแทนสี่ห้าช้อนโต๊ะ เพื่อทำให้อาหารนุ่มและน่าสนใจมากขึ้นสำหรับลูกแมว ทำให้แน่ใจว่าคุณได้วางอาหารแข็งไว้เสมอ เพื่อให้ลูกแมวเข้าถึงได้ เมื่อมันรู้สึกว่าพร้อมและต้องการจะกิน ให้ค่อยๆ ลดปริมาณนมลง ในขณะที่เพิ่มปริมาณอาหารแข็ง ลูกแมวส่วนใหญ่สามารถจัดการกับอาหารแข็งได้เมื่ออายุได้เจ็ดสัปดาห์

ลูกแมวอายุระหว่าง 6 -10 สัปดาห์ต้องการอาหาร 6 – 8 มื้อ/วัน ในขณะที่ลูกแมวอายุระหว่าง 10 สัปดาห์- 6 หรือ 7 เดือน ต้องการอาหาร 4 มื้อ/วัน และลูกแมวอายุ 9 เดือนต้องการอาหาร 3 มื้อ/วัน โปรดสังเกตด้วยว่าการให้อาหาร 2 มื้อ/วันสำหรับแมว จะทำได้ต่อเมื่อเป็นแมวโตแล้วเท่านั้น

ขอขอบคุณบทความจาก : https://th.wikihow.com