จัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับป้อนนมลูกแมว
ความสะอาดของอุปกรณ์ในการป้อนนมเป็นสิ่งสำคัญ
ชงนมตามคำแนะนำข้างบรรจุภัณฑ์
วอร์มร่างกายลูกแมวด้วยกระเป๋าน้ำร้อน
ท่าที่เหมาะสมในการป้อนนม
ระยะเวลา และปริมาณที่เหมาะสมในการป้อนนม
สังเกตุท่าทางของลูกแมวขณะลูกแมวกำลังกินนม
จับลูกแมวนั่งเพื่อทำให้เรอและผ่อนคลาย
กระตุ้นการขับถ่ายหลังจากป้อนนมเสร็จ
ให้ลูกแมวได้นอนพักในที่อุ่นๆ และปลอดภัย
1. จัดหาอุปกรณ์ที่จะใช้ คุณจะต้องการอุปกรณ์ป้อนอาหารบางอย่าง เพื่อใช้ป้อนนมลูกแมวแรกเกิดของคุณ หากเป็นไปได้ สมควรใช้ขวดนมและชุดจุกนมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับลูกแมว เช่น ขวดนมและชุดจุกนมยี่ห้อแคแทก ขวดนมยี่ห้อนี้มีขนาดเล็กมาก และมีปลายเปิดที่ด้านบนสุด คุณสามารถวางนิ้วหัวแม่มือเหนือที่ตรงนั้น เพื่อควบคุมการไหลของน้ำนม หากว่านมหยดจากจุกนมเร็วเกินไปจนลูกแมวกินไม่ทัน จุกนมยาวและแคบซึ่งพอดีอย่างสมบูรณ์แบบ กับข้างในปากของลูกแมวแรกเกิด จุกนมแบบนี้ช่วยให้ลูกแมวดูดนมได้เหมือนดูดนมจากอกแม่ หากคุณไม่มีชุดอุปกรณ์สำหรับป้อนนม ทางเลือกต่อไปคือหลอดดูดยา ซึ่งคุณสามารถใช้หยอดน้ำนมใส่ลงในปากลูกแมว อย่างไรก็ตาม ลูกแมวไม่สามารถดูดนมจากหยอดดูดยา ดังนั้น คุณสมควรพยายามหาซื้ออุปกรณ์ป้อนนมลูกแมวโดยเร็วที่สุดที่จะทำได้
2. ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ มีความสำคัญที่คุณจะคอยดูแลให้อุปกรณ์ทั้งหมดผ่านการฆ่าเชื้อโรค เพียงแค่ล้างอุปกรณ์ทุกชิ้นเฉยๆ ยังไม่เพียงพอ จงพิจารณาใช้วิธีฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำ (เช่นเดียวกับขวดนมของเด็กทารก) หรือแค่จุ่มอุปกรณ์ลงในชามใส่น้ำยาฆ่าเชื้อ คุณสามารถหาซื้อชุดน้ำยาฆ่าเชื้อได้ตามร้านขายยา โดยปกติจะวางขายในช่องสินค้าสำหรับทารก ทำตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ หากคุณเลือกจริงๆ ที่จะฆ่าเชื้ออุปกรณ์ป้อนนมลูกแมวด้วยน้ำยา จงทำให้แน่ใจด้วยว่า ได้ใช้น้ำเดือดล้างอุปกรณ์ทุกชิ้นก่อนนำไปใช้ เพื่อกำจัดเศษตกค้างใดๆ ของน้ำยาฆ่าเชื้อ
3. ชงนม และอุ่นให้นมร้อน หากคุณใช้นมแบบที่เป็นของเหลว ให้เปิดกระป๋องและตวงตามปริมาณที่ต้องการตามที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ หากใช้นมแบบผง ให้ทำตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ว่าใช้นมผงกี่ถ้วยตวงต่อน้ำปริมาณเท่าใด จงทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเสมอ เพราะนมที่เข้มข้นเกินไปอาจทำให้ลูกแมวท้องไส้ปั่นป่วนได้ และนมที่จางเกินไปก็ขาดสารอาหารสำหรับลูกแมวของคุณ จงใช้นมใหม่ๆ สำหรับการป้อนนมแต่ละครั้งเสมอ นมพวกนี้ไม่ใส่สารกันบูด และลูกแมวเกิดใหม่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ดังนั้นการปนเปื้อนแบคทีเรียใดๆ ของนมซึ่งตั้งทิ้งไว้ อาจเป็นหายนะสำหรับสุขภาพของลูกแมวได้ อย่าอุ่นนมในเตาไมโครเวฟ เพราะอาจทำให้เกิดฟองของนมที่ร้อนมากหรือเย็นมากข้างในขวดได้ แทนที่จะทำเช่นนั้น ให้ใส่นมลงในภาชนะ แล้ววางลงในน้ำร้อน
ทำให้แน่ใจว่านมมีอุณหภูมิที่ถูกต้อง ไม่เย็นหรือร้อนเกินไป นมสมควรมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิในร่างกายจึงจะสมบูรณ์แบบที่สุด ดังนั้น ในตอนที่คุณทดลองหยดนมลงบนหลังมือ จะรู้สึกว่าอุณหภูมิเท่ากับผิวคุณเอง หากนมร้อนเกินไป อาจลวกปากลูกแมวได้
4. ตรวจวัดอุณหภูมิในร่างกายลูกแมว ในตอนที่คุณพร้อมจะป้อนนมลูกแมว จงทำให้แน่ใจว่าตัวลูกแมวอุ่นอยู่ อัตราการย่อยอาหารของลูกแมวขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในร่างกาย หากมันหนาว การย่อยอาหารจะเฉื่อยชา นมจะค้างอยู่ในท้องและบูดได้ ตามปกติลูกแมวแรกเกิดจะซุกไซ้อยู่ใกล้กับแม่แมว และมีแนวโน้มจะมีอุณหภูมิค่อนข้างร้อนทีเดียว อุณหภูมิที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือ 96-100 องศาฟาเรนไฮต์สำหรับช่วงสามสัปดาห์แรกของชีวิต พยายามให้ตัวลูกแมวคงอุณหภูมิอยู่ที่เท่านี้ โดยใส่กระเป๋าไฟฟ้าไว้ใต้รังนอนที่ติดฉนวนกันความร้อนอย่างดี หากไม่มีกระเป๋าไฟฟ้า ให้ใช้ขวดน้ำร้อนห่อผ้าเช็ดตัว เพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับขวดน้ำร้อน เพราะอาจถูกลวกได้ เปลี่ยนขวดน้ำร้อนใหม่บ่อยครั้งตามที่จำเป็น เพื่อช่วยให้ลูกแมวอบอุ่น
5. ป้อนนมลูกแมว นั่งบนเก้าอี้ที่นั่งสบายพร้อมกับมีผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งพับวางบนตัก จัดตำแหน่งลูกแมวให้คล้ายคลึงกับท่านอนกินนมแม่ โดยให้หัวตั้งตรง เท้าวางอยู่บนพื้น และท้องวางนอนอยู่ ในตอนที่คุณพยายามป้อนนมลูกแมวครั้งแรก ให้หยดนมหนึ่งหยดจากปลายหลอดดูดยาหรือจุกนม โดยจ่อให้ชิดที่สุดกับปากของมัน ลูกแมวมีประสาทสัมผัสดีด้านดมกลิ่น จึงน่าจะได้กลิ่นนมและพยายามยกปากเข้าหา หากคุณกำลังใช้จุกนม ให้ช่วยลูกแมวเล็กน้อยตรงจุดนี้ โดยบิดจุกนมใส่เข้าไปในปากลูกแมวที่เปิดอ้าอยู่ หลังจากนั้น ธรรมชาติจะจัดการเอง และลูกแมวจะเริ่มดูด หากใช้หลอดดูดยา ให้บีบลูกสูบเบาๆ เพื่อปล่อยนมหยดหนึ่งเข้าปากลูกแมว ให้เวลามันกลืนในระหว่างแต่ละหยด อย่าปล่อยให้นมท่วมปากลูกแมว เพราะอาจหายใจเอานมเข้าไป ทำให้นมเข้าไปในปอด และเป็นปอดบวมได้ ซึ่งตามปกติจะเป็นอันตรายถึงตายในลูกแมวเล็กๆ จงใจเย็น และทำช้าๆ
การจัดวางท่าของลูกแมวสำคัญมาก อย่าป้อนนมโดยให้ลูกแมวนอนหงายแบบลูกคน จงทำให้แน่ใจเสมอว่าลูกแมวกำลังพิงบางสิ่งอยู่ขณะป้อนนม ทำให้แน่ใจด้วยว่าหัวของลูกแมวไม่ได้ยกขึ้น เพราะอาจทำให้สำลักนมได้ หากมันสูดหายใจเอานมเข้าไปในปอด เป็นอันตรายร้ายแรงและอาจถึงตายได้
6. ป้อนนมในปริมาณที่ถูกต้อง นมทดแทนสำหรับลูกแมวต่างมีคำแนะนำเรื่องปริมาณการใช้ในการป้อนนม และจำนวนครั้งบนบรรจุภัณฑ์ จงทำตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ ข้างล่างนี้คือแนวทางทั่วไปบางประการเกี่ยวกับปริมาณนมทดแทนสำหรับลูกแมว และจำนวนครั้งที่จะป้อนลูกแมวในช่วงสองสามสัปดาห์แรกของชีวิต
1 – 3 วัน : 2.5 มิลลิลิตร ทุกๆ 2 ชั่วโมง
4 – 7 วัน : 5 มิลลิลิตร จำนวน10 -12 ครั้ง/วัน
6 – 10 วัน : 5 – 7.5 มิลลิลิตร จำนวน 10 ครั้ง/วัน
11 -14 วัน : 10 -12.5 มิลลิลิตร ทุกๆ 3 ชั่วโมง
15 – 21 วัน : 10 มิลลิลิตร จำนวน 8 ครั้ง/วัน
21 วันขึ้นไป : 7.5 – 25 มิลลิลิตร จำนวน 3 – 4 ครั้ง/วัน นอกเหนือจากการเริ่มให้รู้จักอาหารแข็ง
7. มองหาสัญญาณต่างๆ ในระหว่างที่คุณกำลังเรียนรู้ว่าทำอย่างไร และกำลังฝึกป้อนนมลูกแมวนั้น จงจำใส่ใจด้วยว่าการป้อนนมลูกแมวมากเกินไป หรือป้อนนมอย่างไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาด้านการหายใจได้ จงคอยสังเกตดูลูกแมวในระหว่างป้อนนมเพื่อให้แน่ใจว่า นมไม่ได้กำลังไหลออกทางจมูก หรือลูกแมวไม่ได้มีอาการท้องอืดอยู่ ในแง่ของปริมาณ หากคุณมีลูกแมวจอมตะกละ ผู้ยังคงดูดนมต่อแม้จะกินเกินปริมาณที่แนะนำแล้ว ให้มองดูท้องลูกแมว หากท้องตึงและอืด ให้หยุดป้อน นี่คือสัญญาณว่าลูกแมวกินจนเต็มท้องแล้ว มันเพียงแค่ไม่ตระหนักถึงความจริงเรื่องนั้น จงอย่าป้อนนมมากจนเกินไป หากลูกแมวกินน้อยกว่าปริมาณที่แนะนำ ไม่ต้องตื่นตระหนก อาจเป็นความชอบส่วนตัวของมัน หากคุณวิตกว่าลูกแมวอาจได้รับนมไม่มากพอ แทนที่จะกดดันให้กินมากขึ้น และเสี่ยงจะทำให้นมท่วมปอดลูกแมว จงหยุดป้อน ปล่อยให้มันพัก แล้วค่อยพยายามใหม่ในอีกหนึ่งชั่วโมง หรือประมาณนั้น
8. จงสงบและผ่อนคลาย มีความสำคัญที่คุณจะยังมีความอดทนและสงบขณะป้อนนมลูกแมว เพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวเองก็ผ่อนคลายด้วย นอกจากนี้ จงปล่อยให้ลูกแมวกินช้าๆ ระหว่างป้อนนม เพื่อหลีกเลี่ยงการกินมากเกินไป หรือมีปัญหาเรื่องการย่อย
กระตุ้นให้ลูกแมวเรอ โดยจับลูกแมวให้พิงหลังบนตัวคุณ แล้วค่อยๆ ลูบท้องมันอย่างอ่อนโยน ในความสัมพันธ์ระหว่างแม่แมวกับลูกแมวนั้น แม่แมวจะเตรียมการเช่นนี้เพื่อช่วยให้ลูกแมวผายลม และถ่ายมูล ดังนั้น จงอย่าประหลาดใจหากเกิดผลลัพธ์ประการใดประการหนึ่ง เพราะเป็นสัญญาณที่ดี!
9. ทำความสะอาดก้นลูกแมวของคุณ ในทันทีหลังจากให้นมลูก แม่แมวจะเลียตรงทวารหนักและอวัยวะเพศของลูกๆ เพื่อกระตุ้นให้ลูกๆ ฉี่และถ่ายมูล อันที่จริง แม่แมวจะเลียกินของเสียที่ลูกถ่ายออกมาด้วย ซึ่งเป็นวิธีตามธรรมชาติที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้รังสกปรก เพราะอาจดึงดูดพวกนักล่า แต่ในเมื่อไม่มีแม่แมว คุณจำเป็นต้องเข้าแทรกแซง โดยใช้สำลี เช็ดรอบๆ ทวารหนักของลูกแมว ด้วยท่าเหมือนแม่แมวกำลังเลีย เมื่อลูกแมวถ่ายทุกข์ ให้ใช้สำลีเช็ดออก จบลงด้วยการใช้สำลีสะอาดอีกชิ้นหนึ่งเช็ดก้นลูกแมว คุณเสร็จงานแล้วจนกว่าจะถึงการป้อนนมครั้งต่อไป นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการป้อนนมลูกแมวให้ประสบความสำเร็จ หากคุณไม่เลียนแบบการกระตุ้นของแม่แมว ให้ลูกแมวขับถ่ายของเสีย ลูกแมวของคุณจะไม่ขับถ่ายของเสียจากกระเพาะปัสสาวะกับลำไส้ และอาจป่วยหนักได้
10. วางลูกแมวกลับใส่กล่องหรือเตียงอุ่นๆ เพื่อให้พักผ่อน ป้อนนมตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอทุกวัน สำหรับอีกหลายสัปดาห์ต่อมา จนกระทั่งเหมาะสมที่จะให้หย่านมและหันไปกินอาหารแข็ง ในช่วงนี้ จงคุยกับสัตว์แพทย์ของคุณเรื่องอาหารที่เหมาะสมหลังการหย่านม เพิ่มอาหาร เช่น อาหารกระป๋องนุ่มๆ และอาหารที่เป็นของแข็งในโภชนาการสำหรับลูกแมว ตอนลูกแมวอายุได้ประมาณสี่สัปดาห์ ลูกแมวบางตัวจะกินนมจากขวดไปจนถึงแปดสัปดาห์ และสมควรจะแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องความก้าวหน้านี้กับสัตว์แพทย์มืออาชีพสักคนหนึ่ง
คำเตือน
⊗ ชั่งน้ำหนักลูกแมวของคุณทุกวันในช่วงสองสัปดาห์แรก คุณสามารถใช้เครื่องชั่งอาหาร แต่จงทำให้แน่ใจว่าได้ใช้ผ้าสะอาดหรือเศษผ้าคลุมเครื่องชั่งเสียก่อน ลูกแมวของคุณน่าจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสิบห้ากรัม/วัน ในช่วงสองสัปดาห์แรกนี้ ให้ติดตามดูน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างระมัดระวังในช่วงป้อนนมให้ลูกแมว และปรึกษากับสัตว์แพทย์หากว่าลูกแมวผอมลงหรืออ้วนขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป
⊗ จะดีที่สุดที่จะปล่อยพวกลูกแมวให้อยู่กับแม่ จนลูกแมวมีอายุอย่างน้อย 6 สัปดาห์ แม้จะมีเมตตากว่านั้นหากจะเพิ่มเวลาเป็น 8-10 สัปดาห์ ผู้เพาะพันธุ์แมวแนะนำให้รอจนกว่าลูกแมวจะมีอายุ 12 สัปดาห์ ถึงจะหาบ้านใหม่ให้กับมัน และอาจมีปัญหาแทรกซ้อนจากการที่ลูกแมวกลายเป็นลูกกำพร้า กล่าวคือลูกแมวอาจหลีกเลี่ยงการมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือมีปัญหาสุขภาพ ขณะที่ความเป็นอยู่ที่ดีและพัฒนาการโดยรวมของลูกแมวอาจได้รับผลกระทบในด้านลบด้วย
⊗ ปรึกษาสัตว์แพทย์หากลูกแมวไม่ยอมกินอะไรเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าป่วย
ขอขอบคุณบทความจาก : https://th.wikihow.com