วันนี้พี่ขอเป็น #กู้ชีพ(CPR) สักวัน
ใกล้ปีใหม่แล้วครับ ผมเลยหยิบเอาเรื่องเก่าที่เคยเขียนไว้นานหละ มาลงใหม่ เพื่อคุณมีโอกาสได้ใช้ยามคับขัน
คุณอาจจะเคยได้ยินคำนี้มาบ้าง ทั้งจากที่ได้ยินหมอพูดก็ดี หรือในซีรี่ย์ฝรั่งอย่างพวก Grey anatomy ก็ดีครับ มันคืออะไรเหรอ มันย่อมาจากคำว่า cardiopulmonary resuscitation คือการปั๊มเพื่อกู้ชีพนั่นเองครับ จากบทความก่อนๆผมก็ลงไปว่าให้ทำ CPR แล้วจำเป็นไหมต้องทำแค่ในโรงพยาบาล คำตอบคือไม่จำเป็นครับ คือคุณต้องช่วยเขาด้วยตัวคุณเองก่อนจะดีที่สุดในกรณีฉุกเฉิน แต่ช่วยให้ถูกช่วยให้เป็น จึงเป็นที่มาของบทความวันนี้ ผมจะนำคุณสู่ห่วงของการทำการกู้ชีพ แบบง่ายๆที่คุณเองก็ทำได้ครับ ว่าแต่คุณพร้อมหรือยังครับ?(ไม่พร้อมก็ต้องอ่าน)
การทำ CPR คือการทำผสมผสานระหว่างการกดช่องอกเพื่อกระตุ้นหัวใจหรือ “นวดหัวใจ” (chest compressions) ร่วมกับการช่วยหายใจหรือ “ผายปอด” (artificial respiration) จะทำเมื่อคุณไม่ได้ยินหรือไม่รู้สึกถึงเสียงเต้นของหัวใจ เมื่อหมาเหมียวหยุดหายใจ หัวใจก็จะหยุดเต้นตามมา แต่เราควรคิดไว้ว่าการทำ CPR อาจจะทำให้โครงสร้างของหมาเหมียวเราเปลี่ยนแปลงและเสียหายได้(จากแรงกดเรานี่หละ) แต่ดีกว่าปล่อยให้ตายไปเฉยๆโดยไม่ทำอะไรจริงไหมครับ ดังนั้นการทำควรทำเมื่อถึงคราวจำเป็นครับ ผมจะแบ่งการช่วยออกเป็น 2 กลุ่ม นะครับ คือ พวกที่หนักน้อย กับพวกที่หนักมาก(น้ำหนัก)
⊗ CPR พวกที่น้ำหนักน้อยกว่า 14 กิโลกรัม ทำอย่างไร
1. ให้หมาเหมียวนอนบนพื้นราบเรียบ โดยให้เอาด้านขวาลงพื้น เราอยู่ด้านข้างหมาเหมียว ดึงลิ้นให้อยู่แนวกลางปากและดันเก็บเข้าช่องปากและปิดปากให้แน่น(กันลมรั่ว)
2. ทำมือเป็นรูปถ้วย(ห่อมือ) จับบริเวณหัวใจไว้โดยให้นิ้วโป้งไปล็อคกับอกอีกข้างที่ตรงกันข้ามกับนิ้วทั้งสี่ เท่ากับฝ่ามือประคองทั้งอกบริเวณหัวใจทั้งซ้ายขวา
3. กดช่องอกให้ได้ความลึก 1/3-1/4 ของความกว้างอก นับให้ได้ประมาณ 100 ครั้งต่อนาที
4. ปิดปากหมาเหมียวให้สนิท เบาลมโดยเป่าเข้าทางจมูกด้านใดด้านหนึ่งและปิดอีกด้านไว้(ใช้แค่รูจมูกเดียว) โดยเราจะเป่าลมให้ 1 ครั้งต่อการกด 5 ที แต่ถ้าหากเรามีคนช่วยทำ CPR มากกว่า 1 คน ให้เราเป่าลม 1 ครั้งต่อการนวด 2-3 ที
5. ทำCPR ไปเรื่อยๆต่อเนื่องจนกว่าหมาเหมียวจะเริ่มหายใจเองได้ครับ และชีพจรกลับคืนมา
⊗ กรณีที่คุณหมา(คงไม่มีเหมียว) หนักมากกว่า 14 กิโลกรัม
1. จับหมานอนเอาด้านขวาลงเช่นกัน แต่เราจะยืนข้างหน้าตัวหมา
2. เอาฝ่ามือเราลงบนซี่โครงใกล้ตำแหน่งหัวใจ แล้วให้เอาอีกฝ่ามือที่เหลือประกบตามลงไปเหนือฝ่ามือแรกของเรา
3. ห้ามเอาข้อศอกเรากดอกหมาเด็ดขาด ค่อยๆกดซี่โครงลง
4. กดให้ได้ความลึก 1/3-1/4 ของความกว้างซี่โครงเช่นเดียวกันอันแรก โดยกดในอัตรา 80 ครั้งต่อนาที
5. จับลิ้นหมาดึงแนวตรงกลางแล้วดันกลับเข้าปากและปิดปากหมาให้สนิท เป่าลมเข้าปอดหมาผ่านรูจมูกแค่ข้างเดียวแบบแบบแรก โดยจะเป่า 1 ครั้งต่อการกดช่องอก 5 ที แต่หากมีคนช่วยให้เป่าลม 1 ครั้งต่อการกดช่องอก 2 ครั้งครับ
6. ให้ทำ CPR จนกระทั่งหมากลับมาหายใจได้เองเช่นกันครับและมีชีพจร
7. ทั้งสองแบบ หากผ่านไป 10 นาที ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แสดงว่า สิ้นหวังครับ คุณก็หยุดทำเหอะ สมองตายไปหมดหละครับ
ทั้งสองแบบให้ทำกดท้องด้วยเหมือนกันโดยวางมือซ้ายใต้ท้องสัตว์และมือขวาวางบนท้องสัตว์ จากนั้นกดมือขวาลง โดยทำ 15 ครั้งต่อหนึ่งการหายใจ เพื่อเพิ่มการไหลของเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ แต่การบีบท้องน้องจำต้องมีคนช่วยอีกสักคนหนึ่งนะครับ เพราะเราไม่ใช่ทศกัณฐ์ ถูกไหม
บอกมาตั้งเยอะว่าทำไงขนาดนี้ หลายคนคงด่าผมในใจ ตรูจะไปรู้ได้ไงเมื่อไหร่ต้องทำ CPR ไม่ใช่หมอนะ ผมยังไม่จบครับ ผมก็มีวิธีประเมินมาให้คุณด้วยว่าควรทำหรือยัง หรือยังไม่ควรทำ สิ่งที่จะใช้ประเมิน ก็มีดังนี้ครับ
ดูว่าหายใจไหม(Breathing)
* ใช้หลังมือคุณเช็คไปที่จมูกหมาดูว่ามีลมออกมาไหม และช่องอกขยับไหม
* หากหมาเหมียวไม่หายใจ เช็คดูด่วนเลย มีอะไรอุดตันทางเดินหายใจไหม ดึงลิ้นออกจากปากให้ยาว เอาสิ่งคัดหลัง น้ำลาย สิ่งแปลกปลอม อาหารออกจากปาก
ดูชีพจร(pulse)
* จับที่ femoral pulse มันจะอยู่ที่ด้านในต้นขาครับทั้งสองข้าง เป็นจุดเด่นที่จับง่ายสุดครับ เอานิ้วชี้ นิ้วกลางคุณวางทาบลงไป จะรู้สึกมันตุบๆ เดี๋ยวมีรูปประกอบ มันจะบีบตุ๊บๆเลยครับ
* หากไม่เจอที่นี้ ก็ลองที่ metacarpal area บริเวณใกล้ฝ่าเท้าเลยของขาหน้า ได้ทั้งสองข้าง หรือจะวางมือไปบนอกจับจากหัวใจโดยตรงก็ได้
* หัวใจหมาเหมียว อยู่ด้านซ้ายของช่องอก ให้จับหมาเหมียวนอนเอาด้านขวาลงและดึงขาหน้าซ้ายให้ศอกติดอก จุดที่ศอกโดนอกคือตำแหน่งหัวใจครับ
* หากพบว่าหมาเหมียวยังมีชีพจรแต่ไม่ยอมหายใจเอง ให้รีบทำ CPR เลยครับ
จบแล้ว การช่วยกู้ชีพเบื้องต้นสำหรับหมาเหมียว ไม่ยากเกินไปสำหรับลูกๆของคุณแน่นอน หากสงสัยสิ่งใดก็ลองหาดูเพิ่มเติมได้ในเวปไซต์หรือจะถามเราเข้ามาหรือจะถามหมอประจำคุณก็ไม่ผิดอะไรครับ รู้ไว้กันภัยมาถึงตัวครับ เพราะการรักษาเป็นสิ่งที่ต้องรีบเร่งการวินิจฉัยให้ถูกต้องจึงเป็นพื้นฐานของการรักษาที่ดีต่อไป
ขอขอบคุณบทความจาก fb : https://www.facebook.com/ZuniVilar/
(PETiS+Animal Hospital โรงพยาบาลสัตว์+เพ็ทอีส)